The Future of Wellness: Top Trends to Watch in 2025

เทรนด์สุขภาพปี 2568 จะเน้นที่การพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนและอายุยืนอย่างมีความสุข
B’ Plus ขอแชร์ 6 เทรนด์หลักที่คาดว่าจะมาแรงในปีนี้ค่ะ

1. การดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล (Personalized Healthcare)
การดูแลสุขภาพที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล โดยใช้ข้อมูลเกี่ยวกับร่างกาย ไลฟ์สไตล์ และพันธุกรรมของแต่ละคน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพ โดยนำเทคโนโลยี เช่น การตรวจพันธุกรรม และ AI ด้านสุขภาพ มาใช้

การดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล เช่น การวิเคราะห์พันธุกรรม (Genetic Analysis) การตรวจสุขภาพแบบเจาะจง (Targeted Diagnostics) โดยใช้ข้อมูลชีวภาพ การตรวจสุขภาพแบบเจาะจง (Targeted Diagnostics) แผนการออกกำลังกายเฉพาะบุคคล (Customized Fitness Plan) การรักษาแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) เป็นต้น

การดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการดูแลสุขภาพ แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจในชีวิตประจำวันที่ดียิ่งขึ้น

2. การดูแลสุขภาพจิตอย่างลึกซึ้ง (Mental Wellness)
เป็นแนวทางที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพจิตให้สมดุลทั้งในระดับอารมณ์ ความคิด และจิตวิญญาณ เพื่อให้สามารถรับมือกับความเครียดและความท้าทายในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทรนด์ใหม่ในการดูแลสุขภาพจิต
-การใช้แอปพลิเคชันด้านสุขภาพจิต: เช่น Calm หรือ Headspace
-VR Therapy: การใช้เทคโนโลยี Virtual Reality ช่วยผ่อนคลายและฝึกสมาธิ
-Wellness Retreats: การพักผ่อนในสถานที่ที่เน้นกิจกรรมเพื่อสุขภาพจิต เช่น รีทรีตโยคะหรือธรรมชาติบำบัด

3. อาหารจากพืชและโปรตีนทางเลือก (Plant-Based Diets)
การบริโภคอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เนื้อสัตว์จากพืช (Plant-Based Meat) หรือโปรตีนจากแมลง กลายเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับสุขภาพและโลก

ประโยชน์ของอาหารจากพืชและโปรตีนทางเลือก
ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง มีไฟเบอร์สูง ช่วยในการย่อยอาหารและควบคุมน้ำหนัก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

4. การใช้เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ (Health Tech)
อุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Devices) อย่างสมาร์ทวอทช์ที่ติดตามสุขภาพแบบเรียลไทม์ และเทคโนโลยี AR/VR เพื่อการออกกำลังกายแบบอินเตอร์แอคทีฟ

5. การดูแลผู้สูงอายุเชิงรุก (Active Aging)
เป็นแนวทางการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุ โดยมุ่งเน้นให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ มีสุขภาพดี และมีความสุขในทุกด้านของชีวิต

แนวคิดของการดูแลผู้สูงอายุเชิงรุก
การดูแลเชิงรุกไม่ใช่เพียงการรักษาโรคเมื่อเกิดปัญหา แต่เป็นการป้องกันและส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีความกระฉับกระเฉงทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคม เราจะเห็นผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น การออกแบบบ้านอัจฉริยะเพื่อความปลอดภัย และโปรแกรมออกกำลังกายที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็น ระบบบ้านที่ช่วยดูแลความปลอดภัยและสุขภาพของผู้สูงอายุ การปรึกษาแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ หรือ สังคมที่ออกแบบเพื่อให้ผู้สูงอายุมีความสุข (Age-Friendly Communities)

6. ธรรมชาติบำบัดและการเชื่อมต่อกับธรรมชาติ (Nature Therapy)
การฟื้นฟูพลังงานด้วยกิจกรรมในธรรมชาติ เช่น การเดินป่า การทำเกษตรเล็ก ๆ ในบ้าน และการพักผ่อนในพื้นที่สีเขียว


เทรนด์เหล่านี้ไม่เพียงช่วยส่งเสริมสุขภาพ แต่ยังสนับสนุนการใช้ชีวิตที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติและเทคโนโลยีได้อย่างสมดุลด้วยค่ะ